‘ธนกร’ ปัดเอี่ยว ขบวนตำรวจนำนักท่องเที่ยวจีน ลั่นอยู่กับนายกฯต้องซื่อสัตย์

‘ธนกร’ ปัดเอี่ยว ขบวนตำรวจนำนักท่องเที่ยวจีน ลั่นอยู่กับนายกฯต้องซื่อสัตย์

ธนกร ปัดเอี่ยวปม ขบวนตำรวจนำนักท่องเที่ยวจีน หลังมีการเปิดเผยว่าเป็นคำสั่งรัฐมนตรีสำนักนายก ลั่นอยู่กับนายกฯต้องซื่อสัตย์ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ประเด็นร้อนกรณีที่มีคลิปสาวจีนออกมาเปิดเผยว่ามีขบวนรถตำรวจนำนักท่องเที่ยวจีน อำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง ตั้งแต่ ลัดคิวตรวจคนเข้าเมืองใช้เวลาเพียง 5 นาที ช่วยลากกระเป๋าเดินทางให้ และขับรถตำรวจนำขบวนนักท่องเที่ยวจีนและใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไปยังพัทยาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง โดยแลกกับค่าใช้จ่าย 7 พันบาท

หลัง พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษก บช.ทท 

เผยว่าจากการตรวจสอบพบว่า รถยนต์ที่ติดตราตำรวจ ติดสัญญาณไฟ และรถจักรยานยนต์ ในคลิป เป็นรถส่วนตัวของตนเอง ซึ่งได้รับการประสานงานจากคนขับรถของรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ให้ช่วยอำนวยความสะดวกกับหญิงชาวจีนสองแม่ลูก

นาย ธนกร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับตนอยู่แล้ว ตนได้สอบถามแล้ว ไม่เกี่ยวกับนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วย ตนใช้รถยนต์ตามปกติ ไม่ได้ใช้ทุกวันด้วยซ้ำไป ใช้ส่วนตัวมากกว่า

ไม่มีใครคิดจะทำเรื่องการใช้อำนาจแบบนี้ ห้ามเด็ดขาด เราทำงานกับนายกฯ ก็เห็นอยู่แล้วว่าซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง ตนทำงานกับนายกฯ ก็ต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว มีข้อชี้แจงออกมาแล้ว ตนและนายอนุชาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร

ก่อนหน้านี้นายธนกรกล่าวว่าตน ได้สอบถามคนขับรถ รวมถึงหน้าห้องทุกคนแล้ว ซึ่งได้รับคำตอบยืนยันว่า ไม่มีใครไปดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน และทราบเรื่องดังกล่าวจากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลเช่นกัน ทั้งนี้ หากยังมีข้อสงสัยตนก็พร้อมชี้แจง และยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

จากการเข้าเยี่ยม พบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ม.ค.) ตะวันอ่อนเพลียมากจนหมดสติในห้องน้ำและล้มศีรษะกระแทกพื้น แต่ตะวันยังคงปฏิเสธรับการรักษาและการตรวจหาความผิดปกติด้วยการสแกนศีรษะด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)

ผลข้างเคียงโดยรวมตอนนี้ทั้งสองริมปากแห้งมาก จนแตกแห้งและขาวซีด มีสภาพอิดโรย อ่อนเแรง มีอาการนอนไม่หลับ ตะวันน้ำหนักตัวลดลงไปเกือบ 5 กิโลกรัม ส่วนแบมน้ำหนักตัวลดลงไปประมาณ 6 กิโลกรัมแล้วเช่นกัน

ระหว่างการสนทนา ทั้งสองนั่งทรงตัวลำบาก ต้องเอนพิงกันไปมาเพื่อให้นั่งอยู่ได้ ตะวันซบไหล่แบม ส่วนแบมเอาหัวซบหัวตะวันอีกที ตลอดการสนทนาทั้งสองจะใช้เจลประคบเย็นประคบตามหน้าผาก ต้นคอ ใบหน้า เพื่อให้รู้สึกตื่นตัวและพูดคุยกับทนายความได้

ทั้งตะวันและแบมแสดงเจตจำนงว่า ไม่อยากถูกบังคับให้อยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์อีกต่อไป โดยพวกเธอต้องการให้เจ้าหน้าที่พาตัวกลับไปที่แดนแรกรับของทัณฑสถานหญิงกลาง หรือสถานรักษาพยาบาลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากทั้งสองมีความกังวลเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงต่อร่างกายจากการอดอาหารและน้ำที่จะถูกเปิดเผยสู่สาธารณชนโดยโรงพยาบาลราชทัณฑ์นั้นจะไม่ตรงกับความเป็นจริง

โฆษกยัน ‘ดอน ปรมัตถ์วินัย’ ใช้รถนำขบวนแค่ในเวลาจำเป็นและภารกิจสำคัญเท่านั้น

โฆษกบัวแก้วชี้แจงว่า ดอน ปรมัตถ์วินัย ใช้นำรถขบวนแค่ในเวลาจำเป็นและภารกิจสำคัญเท่านั้น หลังพบตำรวจนำขบวนนักท่องเที่ยวจีนมีเอกสารช่วยนำขบวน ดอน นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงกรณีที่มีการตรวจพบว่า 1 ในตำรวจนำขบวนนักท่องเที่ยวจีนนั้น มีเอกสาร ขอตัวมาช่วยราชการ เพื่อให้ขับรถนำขบวนให้กับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหารต่างประเทศ พร้อมกับรถจักรยารยนต์นำขบวน ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2565 อ้างอิงถึงหนังสือขอยืมตัวช่วยราชการ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 และขอต่ออายุอีกครั้งในวันที่ 26 มีนาคม 2565 ซึ่งจะครบกำหนดการขอช่วยราชการในวันที่ 26 มีนาคม 2566

นางกาญจนา ยืนยันว่า โดยปกติ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ไม่ประสงค์ใช้รถนำขบวนในการปฏิบัติหน้าที่ประจำวัน แต่จะมีการนำขบวนเฉพาะภารกิจที่จำเป็นเท่านั้น และจะแจ้งขอเฉพาะภารกิจ ซึ่งในช่วงที่ไม่มีภารกิจนำขบวน นายตำรวจคนดังกล่าวจะประจำอยู่กับหน่วยต้นสังกัด ไม่ได้มาประจำอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ที่โดยปกติจะไม่ใช้รถนำขบวนในการปฏิบัติหน้าที่ประจำวัน มีนายดอน และ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี โดยทั้ง 2 คน นิยมใช้รถคันเดียวในการเดินทาง ไม่มีรถผู้ติดตาม โดยจะเรียกใช้รถตำรวจนำเฉพาะกรณีมีภารกิจสำคัญเท่านั้น

ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ อาจจะใช้เวลานอกราชการรวมกลุ่มกับกลุ่มเพื่อนที่นำขบวนรัฐมนตรีมารับงานประเภทนี้ โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากการตรวจสอบเบื้องต้นยังมีรายงานว่า รถเก๋งที่ติดสัญญาณไฟไซเรนและโลโก้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล ไม่ใช่รถของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เช่นเดียวกันกับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่พบจอดอยู่ในกองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งการกระทำดังกล่าวยังไม่ถือว่าเข้าข่ายความผิดวินัยร้ายแรง ส่วนจะมีโทษทางวินัยอย่างไรต้องรอผลการตัดสินของผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของทั้งสองนายอีกครั้ง

เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ufabet เว็บตรง